[แปล] สัมภาษณ์ ‘จีชางอุค’ ในนิตยสาร “10+ Star” ฉบับเดือนเมษายน 2017

จีชางอุค’ กล่าวว่างานอดิเรกของเขาคือการขี่มอเตอร์ไซค์ และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบความเร็วเท่าไหร่นัก แต่เขาชอบความรู้สึกเวลาที่ลมพัดผ่านตัวเขาไป ณ ช่วงเวลาหนึ่ง คำที่เรามักจะได้ยินคนใช้บรรยายถึง ‘จีชางอุค’ คือ “แอ๊คชั่น” “จริงจัง” “สปิริตในการต่อสู้” และ “ลุย” แต่ ‘จีชางอุค’ คนที่นั่งอยู่ต่อหน้าเราวันนี้เป็นเพียงแค่ชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่รักในการแสดง และใฝ่ฝันถึงการมีครอบครัวที่แสนสุข เราได้นั่งคุยกับ ‘จีชางอุค’ แบบสบายๆ ในแบบที่เขาเป็น ‘เขา’ โดยไม่มีการปรุงแต่งใดๆ



Q: ภาพยนตร์เรื่อง “Fabricated City” ของคุณ เรียกผู้ชมได้มากกว่า 2.5 ล้านคน ดูเหมือนว่าศักยภาพในการเป็นดาราภาพยนตร์ของคุณเป็นที่ยอมรับแล้ว
ผมไม่คิดว่าตัวเองได้รับการยอมรับมากมายอะไรหรอกครับ ผมแค่รู้สึกโล่งใจที่สามารถทำงานนี้ให้สำเร็จได้อย่างปลอดภัยเท่านั้นเอง ผมสนุกมากๆ เลยครับตอนที่ถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะน่าเสียดายที่หนังไม่ได้รับความสำเร็จมากกว่านี้ แต่จำนวน 2.5 ล้านคน ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยเลย ผมรู้สึกขอบคุณผู้ชมทุกๆ คนที่ไปดูหนังเรื่องนี้ และทุกๆ คนที่ช่วยในระหว่างการถ่ายทำด้วยครับ
Q: แน่นอนว่าคุณต้องรู้สึกถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เลยใช่มั๊ยคะ?
นี่เป็นการแสดงนำในภาพยนตร์ครั้งแรกของผม ดังนั้นมันจึงมีความหมายสำหรับผมครับ ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ก็จะยังคงเป็นหนังที่มีการผลิตที่ใหญ่มากๆ สำหรับผมครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินสายโปรโมทหนัง ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรมาก แต่กลับกลายเป็นว่า ยิ่งโปรโมทมาก ผมยิ่งต้องทำงานหนักกว่าเก่าอีกครับ มันแตกต่างจากเรทติ้งของละครทีวีเลยครับ ของละครเราจะเห็นยอดผู้ชมด้วยกันได้ทุกวัน ซึ่งมันทำให้ผมยิ่งจะทะเยอทะยานมากขึ้นเวลาที่เดินสายโปรโมท 
Q: คุณแสดงแนวแอ๊คชั่นอย่างต่อเนื่องเลยนะคะ
ร่างกายผมตอนนี้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะผมแสดงแอ๊คชั่นมากเกินไปครับ เวลาที่ผมพักจากงาน ผมไม่ได้ออกกำลังกายเลยด้วยซ้ำ แต่ร่างกายผมกลับเจ็บไปหมดเลยครับ ตอนนี้ผมเลยต้องหมั่นออกกำลังกายเพื่อทำให้สุขภาพแข็งแรงเหมือนเดิม ทุกวันนี้ผมต้องสร้างความแข็งแรงให้ตัวเองไว้ เพื่อที่จะสามารถทำงานใหม่ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหาครับ ที่จริงแล้วการออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อไม่ใช่เรื่องสนุกเลย คุณต้องควบคุมอาหาร ปิดตัวเองอยู่แต่ในฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งเป็นอะไรที่สุดจะทนจริงๆ ครับ แต่อย่างไรก็ตาม ผมพยายามที่จะออกกำลังเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงครับ


Q: เมื่อไม่นานมานี้ “Fabricated City” ได้ถูกขายลิขสิทธิ์ให้แก่ 31 ประเทศทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ด้วย คุณมีความคิดที่จะโกอินเตอร์ไปฮอลลิวูดบ้างมั๊ยคะ?
ไม่เคยคิดเลยครับ (หัวเราะ) ผมอยากทำได้ดีกว่านี้ในเกาหลีมากกว่า และบางทีผมอาจจะมีความทะเยอทะยานบ้างหลังจากนั้น ถ้าหากผมมีความฝันที่ใหญ่ขึ้น หรือโอกาสดีๆ ผมก็ต้องอยากจะเดินหน้าต่อไปแน่นอนครับ แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีความคิดที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นหรอกครับ
Q: คุณวาดภาพตัวคุณในฐานะนักแสดงไว้อย่างไรบ้างคะ?
ตอนผมยังเด็กผมวาดฝันไว้ยิ่งใหญ่เลยครับ แต่ในตอนนี้ นอกจากการเป็นนักแสดงแล้ว ผมยังคิดถึงสิ่งที่ผมควรทำในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่งเพื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยครับ การแสดงเป็นสิ่งที่ผมสนุกกับมัน และเป็นสิ่งที่ผมอยากทำ แต่แทนที่จะคิดถึงเรื่องความต้องการที่จะประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดง ผมคิดถึงการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในฐานะ “สามี” และการเป็น “พ่อแม่” มากกว่าครับ
Q : นั่นอาจเป็นเพราะคุณประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดงแล้วหรือเปล่าคะ?
 ดูเหมือนผู้คนจะจำได้แค่ว่าละครของผมทำได้ดี แต่ส่วนมากคนจะไม่ค่อยรู้ว่าจริงๆ แล้วผมก็แสดงละครเวทีด้วย พอลองมองเรื่องนี้แล้ว ผมไม่ได้เลือกที่จะแสดงเพื่อต้องการความสำเร็จ และผมหวังว่าการประสบความสำเร็จจะไม่ใช่เป้าหมายของการแสดง ถึงแม้ว่าความสำเร็จของงานจะเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องพื้นฐานครับ ผมอยากจะมีความสุขในการทำงานเสมอๆ แน่นอนครับว่ามันดีมากเวลาที่ละครประสบความสำเร็จและผมได้มีส่วนช่วยในความสำเร็จนั้น แต่เรทติ้งมันเป็นอะไรที่ผมไม่สามารถควบคุมได้จริงๆ ผมไม่ต้องการให้ความสำเร็จมาเป็นโฟกัสของงานผม ไม่ว่าละครจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ถ้าผมมีความสุขในการทำงานกับทุกๆคน และผมได้ทำดีที่สุดแล้ว ผมก็ไม่รู้สึกเสียใจถึงแม้ว่าเรทติ้งจะออกมาแย่ก็ตาม เพราะเมื่อผมมองย้อนกลับไป งานๆ นั้นก็จะมีแต่ความทรงจำดีๆ อยู่ครับ มันคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าหากบรรยากาศในกองถ่ายนั้นแย่เพราะเรทติ้งไม่ดีนะครับ

Q: มีคาแรคเตอร์ไหนมั๊ยคะที่ทำให้คุณต้องคิดตรึกตรองอย่างรอบคอบก่อนที่จะรับบทนั้น?
มีตลอดเลยครับ ผมมักจะกังวลตลอดเลย มีไม่กี่ครั้งหรอกครับที่ผมจะบอกว่า “โว้ว นี่น่ะโอเคมากๆเลย” ในทันที ผมมักจะกังวลและทบทวนไปมาหลายครั้ง อย่างเช่น งานภาพยนตร์ล่าสุดของผม “Fabricated City” ผมกังวลตั้งแต่เรื่องว่าผมจะทำงานนี้ได้ดีมั๊ย ไปจนถึงจะแสดงอารมณ์แบบไหนออกมาดีเพื่อที่จะสื่อถึงคนดู
Q: จากบทบาททั้งหมดที่คุณเคยแสดง ตัวละครตัวไหนที่คุณรู้สึกผูกพันด้วยมากที่สุดคะ?
ทุกตัวละครเลยครับ ละครทุกเรื่องที่ผมมีโอกาสได้แสดงเป็นประสบการณ์ที่ดี และเป็นความทรงจำที่ดีด้วยครับ คาแรคเตอร์เหล่านี้ทำให้ผมเป็น ‘ผม’ ในทุกวันนี้ ทุกตัวละครคือสิ่งล้ำค่าครับ


Q: เป็นเวลา 9 ปีมาแล้วนะคะตั้งแต่คุณเริ่มเดบิวท์ครั้งแรกในฐานะนักแสดง อะไรคือแรงผลักดันของคุณในการเป็นนักแสดงคะ?
หากความทะเยอทะยาน ความฝัน และความปรารถนาคือแรงผลักดันของผมเมื่อตอนผมยังเด็ก ในตอนนี้ ‘ความภาคภูมิใจ’ ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยครับ ส่วนผสมของความปรารถนาอย่างแรงกล้า ความภาคภูมิใจ ความรับผิดชอบ และความดื้อรั้น ก็คือแรงขับเคลื่อนของชีวิตผมในฐานะนักแสดงครับ
Q: คุณเคยคิดมั๊ยคะว่าคุณจะเป็นอย่างไรในอีก 10 ปีข้างหน้า?
มีบ้างเหมือนกันครับ แต่ผมไม่คิดว่าผมจะเปลี่ยนแปลงไปมากมายในอีก 10 ปีข้างหน้าหรอกครับ ผมคิดว่า ผมก็จะยังคงทำงานอย่างหนักเวลาแสดง และไปเจอเพื่อนๆ เมื่อมีเวลาพัก ถ้าหากผมแต่งงาน ผมก็จะใช้เวลากับครอบครัวด้วยครับ และผมก็ยังคงทำงานแสดงอยู่เหมือนเดิมครับ 
Q: คุณต้องฝันถึงการมีครอบครัวอันแสนสุขแน่ๆ เลยใช่มั๊ยคะ?
แน่นอนครับ! ถ้าหากผมมีครอบครัว ผมหวังว่าเราจะเป็นครอบครัวที่มีความสุขครับ ผมมีจินตนาการอันแสนโรแมนติกในการมีครอบครัวที่แสนสุขครับ ผมหวังว่าผมจะมีได้ในซักวันหนึ่ง
Q: เชื่อว่าคนรอบตัวคุณหลายๆ คนคงแต่งงานไปแล้ว
ใช่ครับ ก็มีแต่งกันไปเรื่อยๆ เลย (หัวเราะ) บางคนมีจินตนาการที่แสนโรแมนติกเกี่ยวกับการแต่งงาน แต่ก็มีบางคนที่มองเรื่องนี้ในแบบไม่เพ้อฝัน ผมคิดว่าแต่ละคนก็มีความคิดต่างกันไปนะครับ แล้วก็มีบางคนที่บอกว่าจะแต่งงานให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยครับ ผมคิดว่าภาระของครอบครัวน่ะยิ่งใหญ่มากนะครับ อย่างเช่น ภรรยาของเพื่อนผมท้องลูกแฝด และพวกเขาก็กังวลมาก ผมรู้สึกว่าการแต่งงานสำหรับพวกเขา ณ เวลานั้นมันไม่ง่ายเลย แต่ทั้งคู่เป็นผู้ใหญ่แล้ว และถึงแม้ผมจะไม่มีความคิดเรื่องการแต่งงานมากมายนักในตอนนี้ แต่หากผมรู้สึกว่ามันถึงเวลานั้นแล้ว ผมจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างระมัดระวังครับ


Q: คุณต้องเข้ากรมในปีนี้แล้ว ‘จีชางอุค’ จะเป็นอย่างไรหลังจากออกจากกรมแล้วคะ?
ผมจะได้พบกับคนมากมายเมื่อผมเข้ากรม ผมคงได้รับประสบการณ์มากขึ้นจากการอยู่ร่วมกับผู้คนที่มาจากที่ต่างๆ และเติบโตขึ้นครับ ผมอยากจะสร้างความทรงจำดีๆ กับเพื่อนๆ ที่นั่น ผมกังวลเรื่องเข้ากรมน้อยกว่าที่ผมคิดไว้นะครับ แต่ผมหวังว่าจะจบออกจากกรมมาด้วยสุขภาพที่แข็งแรงครับ 
Q: คุณดูเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีโลกส่วนตัวสูงนะคะ
หากเราสนิทกันมากขึ้น ผมจะขี้เล่นกว่านี้ และขี้แกล้งมากๆเลยครับ แต่ผมมักจะเขินเวลาเจอกันครั้งแรกครับ แต่หลังจากที่ได้ให้สัมภาษณ์มานับครั้งไม่ถ้วน ผมก็คุ้นชินมากขึ้นเวลาต้องพูดเรื่องเกี่ยวกับตัวเองครับ
Q: คุณชอบอ่านหนังสือมั๊ยคะ?
ผมมีหนังสือการ์ตูนเยอะแยะเลยครับที่บ้าน (หัวเราะ) เมื่อไม่นานมานี้ผมเพิ่งซื้อเรื่อง “Piano no Mori” (ชื่อไทย: วัยกระเตาะ ตึ่ง ตึง ตึ๊ง) ทั้งเซตมา แต่ขาดไปสองเล่มครับ ตอนเด็กผมชอบอ่านเรื่องนี้มากเลย แต่ตอนนี้เขาเลิกพิมพ์เรื่องนี้ไปแล้ว ผมเลยหาซื้อไม่ได้แล้วครับ
Q: ดูเหมือนคนจะอ่านหนังสือมากขึ้นเมื่อเข้ากรม คุณคิดว่าอย่างไรคะ?
ผมอยากเล่นมากกว่าครับ (หัวเราะ) มันคงจะดีถ้าผมสามารถเรียนได้ แต่จะมีซักกี่คนที่ทำได้ล่ะครับ แน่นอนว่าสำหรับผมก็ไม่มีข้อยกเว้นเหมือนกัน
Q: คุณเข้ากรมค่อนข้างช้านะคะ คุณจะทำอย่างไร หากคุณโดนรุ่นพี่ที่อายุน้อยกว่าคุณแกล้ง?
ความจริงใจน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดครับ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแกล้งผม ผมคิดว่าพวกเขาจะปฎิบัติกับผมดีขึ้นเมื่อพวกเขารู้สึกถึงความจริงใจของผม ถึงมันจะฟังดูคลุมเครือ แต่ผมคิดว่าผมน่าจะทำได้ดีครับ


Q: คุณมีชื่อเล่นว่า “KKobWookie” มีโมเม้นไหนมั๊ยคะที่คุณรู้สึกว่าคุณเป็น “KkobWookie” จริงๆ?
** KkobWookie เป็นการผสมคำที่มาจากคำว่า Kkob (겁) = กลัว และ Wookie (욱) = ชื่อของอุค พอเอาสองคำนี้มารวมกันจะได้คำว่า “คอบอุคกิ” (겁욱이) ซึ่งพ้องเสียงกับคำที่มีความหมายว่า “เต่า” ที่อุคจ๋าได้ชื่อเล่นนี้มาก็เพราะเค้าเป็นคนขี้กลัว เพื่อนๆ เลยให้ชื่อเล่นนี้ค่ะ KkobWookie = อุคขี้กลัว นั่นเองค่ะ**
เพื่อนๆ เป็นคนตั้งชื่อนี้ให้ผมครับ (หัวเราะ) ผมไม่ขึ้นรถไฟเหาะ เพราะผมทนไม่ได้เลยครับ ผมค่อนข้างใจเสาะครับ ดังนั้นเวลาจะถ่ายทำฉากแอ๊คชั่นกันทีหนึ่งก็ต้องมีการเตรียมการเยอะพอสมควรเพื่อที่ผมจะได้ไม่กลัว และรู้สึกสบายใจมากกว่าน่ะครับ
Q: อีกชื่อเล่นหนึ่งที่คุณโดนเรียกก็คือ “Ji Geu Dok” (จีกือดอค) ซึ่งมาจากคำว่า “จีชางอุค” และ “Bbi Geu Dok” (พีกือดอค = เสียงดังเอี๊ยดๆ) คนมักจะบอกว่าการเต้นของคุณแลดูเปิ่นๆ น่ะค่ะ
ผมคิดว่าผมเป็น ‘จีกือดอค’ เสมอเลยครับ (หัวเราะ) ชื่อนี้แฟนๆ เป็นคนตั้งให้ครับ ชื่ออะไรก็แล้วแต่ที่แฟนๆ ตั้งให้ก็ดีทั้งนั้นเลยครับ
Q: ได้ยินว่าช่วงนี้คุณกำลังติดเกมส์อยู่ใช่มั๊ยคะ?
ถ้ามีโอกาสผมก็มักจะไปบ้านเพื่อนสนิทเพื่อนเล่น ‘Starcraft’ กันครับ ผมไม่ได้เล่นมานานแล้ว พอได้เล่นก็เลยรู้สึกสนุกน่ะครับ เกมส์มือถือก็สะดวกดีนะครับ ผมเล่นเกมส์ในมือถือเยอะเลยครับ
Q: คุณมีวิธีเติมพลังให้กับตัวเองอย่างไรบ้างคะ?
ขี่มอเตอร์ไซค์ของผมครับ นี่ก็เกือบปีมาแล้วนะครับที่ผมขี่มอเตอร์ไซค์เวลาไปถ่ายละคร ผมชอบเสียงของลมที่พัดผ่านใบหน้าของผมไป แต่ก็ไม่ได้ขี่เร็วอะไรมากมายนะครับ นอกนั้นก็มีนัดเจอเพื่อนๆครับ ผมมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับผู้คนที่ผมชอบ พออยู่ด้วยกันผมก็มักจะถามว่า “ตอนนี้เราจะทำอะไรกันดี” และก็ใช้เวลาไปด้วยกันแบบนั้นแหละครับ
Q: ครั้งล่าสุดที่คุณรู้สึกมีความสุขคือเมื่อไหร่คะ?
ตอนที่ผมไปทานข้าวกับแม่ของผมเมื่อสองสามวันก่อนครับ ผมรู้สึกมีความสุขมากที่ได้คุยกับแม่ในเรื่องจิปาถะต่างๆ เช่น อากาศเย็นแค่ไหนตอนที่เดินข้ามอุโมงค์หน้าบ้าน ผมเป็นคนคิดบวก ดังนั้นผมเลยมีความสุขในทุกวันครับ
Q: มีของขวัญจากแฟนๆ ชิ้นไหนที่ตราตรึงในความทรงจำบ้างมั๊ยคะ?
ตุ๊กตาเต่าโปเกมอนครับ คงเป็นเพราะเกมส์คีบตุ๊กตาในตู้คงเป็นที่นิยมมากมั้งครับ พวกเขาเลยให้ตุ๊กตาผมมาเยอะเลย พวกเขาให้ผมมาเยอะมากๆ จนคนรอบข้างแซวให้ผมไปเปิดร้านขายเลยครับ (หัวเราะ) ผมรู้สึกขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่แฟนๆ ให้ครับ
Q: คุณบอกว่าคุณอยากจะจัดงานให้แฟนๆ ในรูปแบบของคอนเสิร์ต เวทีจะออกมาเป็นแบบไหนคะ?
ตอนนี้ผมยังไม่ได้เตรียมการอะไรเลยนอกจากร้องเพลงครับ แต่ผมก็คิดนะครับว่าผมจะทำให้แฟนๆ สนุก และมีความสุขได้ยังงัย


Q: นี่เป็นคำถามที่คุณอาจได้ยินบ่อยนะคะ แต่ฉันก็อดถามไม่ได้ว่า…แฟนๆ มีความหมายกับคุณอย่างไรคะ?
พวกเขาเป็นบุคคลที่ผมรู้สึกขอบคุณมากๆ ครับ พวกเขาเป็นคนที่ให้ความรักแก่ผมอย่างมากมายไม่มีที่สิ้นสุด ถึงแม้ว่าผมจะเต้นไม่เก่ง ถึงแม้ว่าผมจะร้องเพลงไม่ได้ พวกเขาก็ยังรักผมไม่ว่าจะยังงัย ถึงผมจะฟันธงไม่ได้…แต่ผมมีความรู้สึกว่าพวกเขาก็จะยังรักผม ถึงแม้ว่าผมจะแสดงไม่ได้ก็ตาม และเพราะอย่างนั้น ผมจึงทำงานอย่างหนักเพื่อจะได้ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง พวกเขาคือคนที่ช่วยให้ผมอดทนเวลาที่เจออะไรหนักๆ และรู้สึกเหมือนอยากจะยอมแพ้ ดังนั้นบางทีผมก็รู้สึกเสียใจโดยไม่มีเหตุผลพอๆ กับที่ผมรู้สึกขอบคุณครับ
Q: แล้วความฝันของ ‘จีชางอุค’ คืออะไรคะ?
ใช้ชีวิตอย่างมีสีสันครับ การแสดงเป็นอะไรที่น่าสนใจมากนะครับ ผมว่าผมโชคดีมากที่ได้ทำงานนี้ ผมมักจะรู้สึกตื่นเต้น และมีความสุขเวลาที่ผมเจอคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจ เพราะแบบนี้ผมเลยอยากจะเป็นนักแสดงไปอีกนานๆ งัยครับ
 
Q: ทุกครั้งที่คุณถูกสัมภาษณ์ ‘จีชางอุค’ ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนสงบ และใจเย็น
ผมได้ยินคนบอกแบบนี้บ่อยเลยครับ และผมก็พยายามคิดแบบนั้นเหมือนกัน เช่นเดียวกับเวลาที่ผมคิดถึงความสำเร็จของงานแสดง รุ่นพี่คนหนึ่งบอกผมว่า...มันเป็นไปไม่ได้ที่งานทุกงานจะล้มเหลว และก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่งานทุกงานจะประสบความสำเร็จ เมื่อนึกถึงคำพูดนี้ ผมเลยพยายามอย่างมากที่จะคิดทุกอย่างอย่างใจเย็น 
Q: หลังจบการสัมภาษณ์นี้ คุณจะทำอะไรต่อคะ?
ไม่อยากทำอะไรเลยครับ (หัวเราะ) ผมรู้สึกรีแลกซ์เวลาที่ได้นั่งอยู่ที่คาเฟ่ทั้งวัน ดื่มชา ทานข้าว และกลับบ้านนนอนครับ ผมชอบสิ่งเล็กๆน้อยๆ แบบนี้แหละครับ

ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยค่ะ
!! แต่อ่านแล้วรักอุคจ๋าขึ้นอีกเป็นกองเลยเนอะ
แปลโดย: Ji Chang Wook Thailand by Naja
Special Thanks: P’Dew

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

(แปลไทย) บทสัมภาษณ์ “จีชางอุค” จากหนังสือ Allure ฉบับเดือนพฤษภาคม 2014

แสดง "จีชางอุค" ขึ้นแท่นนักแสดงเกาหลีที่มีการพูดถึงจนเป็นประเด็น Hot ในเหว่ยป๋อ (ยอดค้นหาสูงติดอันดับ)

100 คำถาม 100คำตอบ [31-07-2011]